ขับรถตกหลุมมีอะไรพัง???
– ล้อคด/ล้อแตก หากรถตกหลุมไม่แรงและไม่บ่อยครั้ง แนะนำให้ดัดคดเพื่อให้ล้อกลับมาเป็นทรงกลมเหมือนเดิมจะช่วยป้องกันอาการรถสั่นขณะที่เราใช้ความเร็วสูง แต่หากรถตกหลุมอย่างแรง อาจทำให้ยางรั่วซึมจนทำให้ยางรถยนต์แบนได้ซึ่งในบางกรณีอาจทำให้ล้อแม็คแตก จนทำให้เสียการควบคุมรถและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะพบกับล้อแต่งที่ไม่ได้คุณภาพ
– ลูกปืนล้อแตกหากล้อได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจะส่งผลให้ลูกปืนล้อแตกได้ อาการของลูกปืนล้อแตกจะมีเสียงหอนดังขึ้น ไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่ง หรืออาจจะหลายล้อพร้อมกัน และจะดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเพิ่มความเร็ว หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้เกิดความร้อนจนแกนเพลาไหม้
– ยางบวม/แตก การที่ยางบวมนั้นเกิดจากการขับรถตกหลุมเป็นประจำ ซึ่งการที่ยางบวมจะทำให้รถเกิดอาการสั่นในขณะที่ใช้ความเร็วสูง
และถ้าหากบวมที่แก้มยางมีโอกาสที่ทำให้ยางระเบิดได้ง่ายขึ้น
– ตัวถังได้รับความเสียหาย การที่รถตกหลุมขนาดใหญ่ตัวถังของรถก็ได้รับความเสียหายไปด้วยไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านหลังหรือส่วนด้านล่างของตัวถังรอบคัน โดยเฉพาะชิ้นส่วนสเกิร์ตก็จะได้รับความเสียหายไปด้วยเช่นกัน
– ช่วงล่างเสียเร็วกว่าปกติ หากช่วงล่างใช้งานหนักจะทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ เกิดการสึกหรอ เร็วกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็น โช๊คอัพ ลูกหมาก ปีกนก บูชยาง เพลาขับ
ข้อเสียหากไม่เร่งดูแลรถ
– ระบบลูกหมากหลวม โดยตัวเหล็กอาจจะยังเหมือนเดิม แต่ระหว่างเบ้าเหล็กจะเป็นพลาสติกหรือเทฟลอนและจารบีหุ้มด้วยยางกันฝุ่น เมื่อพลาสติกแตกเวลาวิ่งจะโยกซ้ายขวา แต่ถ้าเป็นศูนย์บริการบางแห่งส่วนใหญ่จะให้เปลี่ยนยกชุด ซึ่งถ้าเป็นช่วงที่ขับรถช้า ๆ ก็ยังไม่เป็นอะไรนัก แต่ถ้าหากขับแบบสมบุกสมบัน เพลาขับก็จะเริ่มมีปัญหา ยางกันฝุ่นเพลาขับเริ่มโยกหลุด ตามมาด้วยลูกปืนเพลาแตก ก้านเพลาคดสุดท้ายก็เสียเงินเปลี่ยนยกชุด
– ระบบโช๊คอัพ ตามปกติจะไม่เสียทันทีแต่จะเริ่มจากยางรองหัวโช๊คอัพกับตัวถังแตกก่อน ราคาไม่แพงมาก และก้านโช๊คอัพจะเริ่มคด เวลาขย่มรถจะไม่ค่อยเด้ง ก็เป็นสัญญาณบอกได้แล้วว่าถึงเวลาเปลี่ยนโช๊ค
– คันชักพวงมาลัยหลวม อาจจะหลวมหรือคดได้ ต่อไปยางแท่นเครื่องจะแตกหลังจากนั้นระบบวาล์วเครื่องยนต์อาจเสียหายได้
การขับรถตกหลุมบ่อย ๆ ส่งผลเสียต่อรถของคุณมากกว่าที่คิด ทางที่ดีหากเห็นว่าข้างหน้ามีหลุมลึก ก็ควรชะลอความเร็วลง เสียเวลาเพียงเสี้ยวนาที แต่ช่วยยืดอายุการใช้งานช่วงล่างของรถออกไปได้ยาวขึ้น